แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตก (Western Asia) เดิมเป็นผลไม้ป่า เกิดบนภูเขาในแถบ เอเชียกลาง (Central Asia) ได้แก่ ทางตอนใต้ ของ Kazakhstan, Kyrgyzstan, Tajikistan, และ Xinjian ประเทศจีน ต่อมาจึงนำมาปลูกเป็นพืชสวนเพื่อรับประทานผล แอปเปิ้ลเป็นพืชในตระกูลกุหลาบ (Rosaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Malus domestica แอปเปิ้ลที่นำมาปลูกมีมากกว่า 7500 สายพันธุ์ ขึ้นกับสภาพภูมิประเทศที่เย็นและกึ่งเขตร้อน
มีคำกล่าว่า “ An apple a day keeps the doctor away” ซึ่งหมายถึงว่า การรับประทานแอปเปิ้ลแค่วันละ 1 ผล ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องพึ่งหมอ ทั้งนี้จากการวิจัยพบว่า แอปเปิ้ลประกอบไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ กลุ่ม Flavonoids ซึ่งเป็นสารพวก Phytochemicals สารที่พบในผักและผลไม้ที่เป็นสารต้าน แบคทีเรียไวรัสและ เชื้อรา ได้แก่ Quercetin, catechin, phloridzin และ polyphenol ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด
แม้เทียบกับผลไม้อื่นพบว่า แอปเปิ้ลมี วิตามิน ซี น้อยกว่า แต่มีใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งใยอาหารจะเป็นตัวช่วยให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก จึงเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งลำไส้ นอกจานี้ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เพคติน (Pectin)ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ จะเป็นตัวช่วยจับสารโลหะหนัก เช่นตะกั่วและปรอท และขับออกจากร่างกาย นอกจากใยอาหารจำนวนมากที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลจะช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอล (Cholesterol)และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด แล้วยังเป็นตัวช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้อีกด้วย เนื่องจากประกอบด้วยแป้งและน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถนำเอาไปใช้ได้โดยไม่ต้องย่อยภายใน 10 นาที ดังนั้นการทานแอปเปิ้ลจึงทำให้ความอยากอาหารลดลง และยังมีกรดอินทรีย์ ได้แก่กรดมาลิก (Malic) และทาร์ทาริก (Tartaric) ที่ช่วยย่อยไขมันและโปรตีน นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆ อีก เช่น Phosphorus, Potassium, และ Calcium ซึ่ง Potassium เป็นองค์ประกอบสำคัญของของเหลวภายในเซลล์ของร่างกาย ซึ่งเป็นตัวควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้
สารต้านอนุมูลอิสระส่วนใหญ่ในผลแอปเปิ้ลจะอยู่ที่เปลือกและเนื้อ แต่มีมากที่เปลือก ดังนั้นการรับประทานแอปเปิ้ลทั้งผลจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่สุด แต่น้ำแอปเปิ้ลแบบเข้มข้น ก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีเช่นเดียวกัน และดีกว่าน้ำแอปเปิ้ลแบบใส นอกจากนี้จากผลการทดลอง พบว่าการดื่มน้ำแอปเปิ้ลแบบเข้มข้นเป็นประจำช่วยลดอาการของโรคความจำเสื่อมได้ (Alzheimer’s disease)
ปริมาณธาตุสารอาหารในแอปเปิ้ลสด 100 กรัม ( 3.5 Oz) ประกอบไปด้วย
Energy | 52 Kcal |
Carbohydrates | 13.81 g |
Protein | 0.26 g |
Total Fat | 0.17 g |
Sugar | 10.39 g |
Dietary Fiber | 2.40 g |
Folate (Vit. B9) | 3 μg |
Niacin (Vit.B3) | 0.091 mg |
Panthothenic acid (B5) | 0.061 mg |
Pyridoxine (B6) | 0.041 mg |
Riboflavin (Vit.B2) | 0.026 mg |
Thiamin (Vit.B1) | 0.017 mg |
Vitamin A | 3 μg |
Vitamin C | 4.6 mg |
Vitamin E | 0.18 mg |
Vitamin K | 2.2 μg |
Magnesium | 5 mg |
Sodium | 1 mg |
Phosphorus | 11 mg |
Potassium | 107 mg |
Calcium | 6 mg |
Iron | 0.12 mg |
Zinc | 0.04 mg |
ที่มา : USDA Nutrient Database
ดังนั้นพอสรุปคุณประโยชน์ของ แอปเปิ้ล และการดื่มน้ำแอปเปิ้ลเป็นประจำ ได้ดังนี้
· ระบบประสาท (Neurological) ช่วยลดภาวะสมองเสื่อม ลดอาการความจำเสื่อม
· ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular) ช่วยลดระดับ คลอเรสเตอรอล ลง ป้องกันอาการของโรคหัวใจ
· ปอด (Lung) ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด
· ลำไส้ (Colon) ลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ และช่วยป้องกันน้ำหนักเกิน
· ต่อมลูกหมาก (Prostate) ลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก
การทำน้ำแอปเปิ้ล
การทำน้ำแอปเปิ้ล อาจเป็นน้ำแอปเปิ้ลเพียงอย่างเดียว หรือ อาจปั่นรวมกับผลไม้หรือผักอย่างอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ ก็ได้เช่น แครอท บีทรูท สัปปะรด คื่นช่าย เป็นน้น
ส่วนผสม : แอปเปิ้ล ผลขนาดกลาง 3-4 ลูก
วิธีทำ : นำมาล้างให้สะอาด หั่นให้พอดีกับเครื่องปั่นชนิดแยกกาก เมื่อปั่นแล้วดื่มทันที
No comments:
Post a Comment